บทความพิเศษ : ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วและภาวะตลาดที่ปรับตัวขึ้นอย่างไม่ยั่งยืน
GLOBAL, November 16, 2023 /XS.com/ -- ดัชนี Nasdaq ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.4% นับเป็นราคาขยายตัวในรอบวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน ปัจจุบันดัชนี Standard & Poor's 500 ปรับเพิ่มขึ้นถึง 1.9% และดัชนี Dow Jones ปรับเพิ่มขึ้นที่ 1.4% อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีลดลงถึง 20 จุดสู่ระดับต่ำสุดในรอบเดือนครึ่ง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
จากข้อมูลทางเศรษฐกิจเผยให้เห็นถึงการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อของเดือนตุลาคม ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ไม่รวมถึงประเภทราคาอาหารและพลังงานที่เกิดการผันผวนและ ลดลงอย่างไม่คาดคิดเป็นร้อยละ 0.2% จาก 0.3% ในเดือนกันยายน Home Depot (HD) ยังเกินความคาดหมายของนักวิเคราะห์จากรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 แต่ปรับตัวลดลงและแนวโน้มรายได้ทั้งปีก็ลดลงเช่นกัน สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคในด้านผลิตภัณฑ์บางรายการและโครงการสำคัญบางโครงการที่ลดลง
นอกจากนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาได้อนุมัติร่างกฎหมายไปเมื่อคืนนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์ของรัฐบาล ด้วยการร่างพระราชบัญญัตินี้จะถูกส่งไปยังวุฒิสภาเพื่อลงคะแนนเสียง หากฝ่ายนิติบัญญัติเห็นชอบ กฎหมายดังกล่าวจะย้ายไปอยู่ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการร่างกฎหมายเกี่ยวการกู้เงินของรัฐบาลกลางดังนั้นจะทำการชัตดาวน์การดำเนินงานในปลายสัปดาห์นี้ เนื่องจากปัญหาหนี้
การปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนี Nasdaq และดัชนีหุ้นสหรัฐเกิดขึ้นหลังจากดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ชี้ให้เห็นถึงการปรับตัวลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นที่ 0.1% โดยผู้เข้าร่วมการสำรวจของ Dow Jones ดัชนีราคาผู้บริโภคทรงตัวทุกเดือน เป็นผลให้ตลาดมีปฏิกิริยาตอบรับเชิงบวกต่อข่าวนี้ ส่งผลให้หุ้นเพิ่มขึ้นและมีการหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐจะสามารถหยุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องได้ในที่สุด
ทางเราเชื่อว่ารายงานดัชนีราคาผู้บริโภคจะก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการยืนยันถึงแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจยังชะลอตัวที่ใกล้จะเกิดขึ้น ในด้านเศรษฐกิจขาลงทางเราคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้นี้ เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯ อยู่ในภาวะที่แข็งแกร่งในปัจจุบัน นี่แสดงว่าประวัติศาสตร์กำลังซ้ำรอยหรือไม่!
จากแผนภูมิด้านบน ทางเราสังเกตเห็นความคล้ายคลึงกันระหว่างวงจรเงินเฟ้อปัจจุบันกับรูปแบบที่เห็นตั้งแต่ปี 1966 ถึง 1983 สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร ทางเราเชื่อว่าในช่วงเวลานั้น อัตราเงินเฟ้อเกิดขึ้นเป็นระลอก โดยแต่ละระลอกจะค่อยๆ มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อน ซึ่งนำไปสู่การถอนสภาพคล่องออกจากตลาดอย่างรวดเร็วในภายหลัง
หากอัตราเงินเฟ้อยังคงดำเนินต่อไปในเส้นทางเดียวกันกับที่ทางเราเห็นในกราฟด้านบนวันนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเผชิญกับคลื่นลูกสุดท้ายของอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และจะเลวร้ายที่สุดจากมุมมองของทางเรา แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ปรับลดลงจะเพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของเงินกู้ในสัปดาห์ที่แล้ว การลดลงของอัตราดอกเบี้ยในระยะยาวจะช่วยกระตุ้นความต้องการอสังหาริมทรัพย์และรักษาแรงกดดันต่อราคาที่อยู่อาศัยที่สูงขึ้น ทางเราเชื่อว่านี่คือเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังธนาคารกลางสหรัฐที่จะคงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับสูงเป็นระยะเวลานานกว่าที่คาดไว้ เป็นผลให้ตลาดส่งสัญญาณเตือนในคลื่นขาขึ้นในปัจจุบันนี้
นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ทำซ้ำข้อผิดพลาดแบบเดียวกับที่พวกเขาทำในช่วงวิกฤตการเงินปี 2551 ทำไม? เมื่อเราเห็นอินดิเคเตอร์ทางเศรษฐกิจหดตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่กำลังจะเกิดขึ้น นักเศรษฐศาสตร์ยังคงคาดการณ์แนวโน้มขาขึ้นในตลาดการเงิน เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังที่เห็นในปี 2551 เมื่อทุกคนคาดหวังว่าตลาดจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป แม้ว่าอินดิเคเตอร์ทางเศรษฐกิจจะหดตัวลงอย่างมากก็ตาม ต่อมาเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินและตลาดก็ดิ่งลง แผนภูมิด้านบนพูดถึงเรื่องนั้น และทางเราเชื่อว่านี่เป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญต่อตลาด!
สิ่งหนึ่งที่อาจสนับสนุนทฤษฎีนี้คือข้อมูลที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ เมื่อเร็วๆ นี้ นักลงทุนได้รับข้อมูลเงินเฟ้อมากขึ้นในวันพุธด้วยการประกาศเกี่ยวกับดัชนีราคาผู้ผลิตประจำเดือนตุลาคม ซึ่งลดลงเหลือ 1.3% ต่ำกว่าการคาดการณ์ที่ 1.9% นี่เป็นการปรับตัวลดลงครั้งแรกของอัตราเงินเฟ้อดัชนีราคาผู้ผลิตในรอบ 4 เดือน ในเวลาเดียวกัน ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเป็น 0.1% ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้ -0.3% ซึ่งทำให้เกิดความผันผวนของเงินดอลลาร์ และผลที่ตามมาคือตลาดอื่นๆ จะตามมาด้วยความผันผวนในระยะสั้นก่อนที่จะพังทลายลงจากมุมมองของทางเรา
อัตราเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าเป้าหมายระยะยาวของธนาคารกลางสหรัฐที่ 2% หลักฐานทั้งหมดยังคงชี้ไปที่ธนาคารกลางสหรัฐได้เสร็จสิ้นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยและเข้าสู่ช่วงระยะเวลาที่ยืดเยื้อในการรักษาอัตราดอกเบี้ยให้สูงไว้
จากข้อมูลทางเศรษฐกิจเผยให้เห็นถึงการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อของเดือนตุลาคม ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ไม่รวมถึงประเภทราคาอาหารและพลังงานที่เกิดการผันผวนและ ลดลงอย่างไม่คาดคิดเป็นร้อยละ 0.2% จาก 0.3% ในเดือนกันยายน Home Depot (HD) ยังเกินความคาดหมายของนักวิเคราะห์จากรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 แต่ปรับตัวลดลงและแนวโน้มรายได้ทั้งปีก็ลดลงเช่นกัน สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคในด้านผลิตภัณฑ์บางรายการและโครงการสำคัญบางโครงการที่ลดลง
นอกจากนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาได้อนุมัติร่างกฎหมายไปเมื่อคืนนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์ของรัฐบาล ด้วยการร่างพระราชบัญญัตินี้จะถูกส่งไปยังวุฒิสภาเพื่อลงคะแนนเสียง หากฝ่ายนิติบัญญัติเห็นชอบ กฎหมายดังกล่าวจะย้ายไปอยู่ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการร่างกฎหมายเกี่ยวการกู้เงินของรัฐบาลกลางดังนั้นจะทำการชัตดาวน์การดำเนินงานในปลายสัปดาห์นี้ เนื่องจากปัญหาหนี้
การปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนี Nasdaq และดัชนีหุ้นสหรัฐเกิดขึ้นหลังจากดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ชี้ให้เห็นถึงการปรับตัวลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นที่ 0.1% โดยผู้เข้าร่วมการสำรวจของ Dow Jones ดัชนีราคาผู้บริโภคทรงตัวทุกเดือน เป็นผลให้ตลาดมีปฏิกิริยาตอบรับเชิงบวกต่อข่าวนี้ ส่งผลให้หุ้นเพิ่มขึ้นและมีการหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐจะสามารถหยุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องได้ในที่สุด
ทางเราเชื่อว่ารายงานดัชนีราคาผู้บริโภคจะก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการยืนยันถึงแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจยังชะลอตัวที่ใกล้จะเกิดขึ้น ในด้านเศรษฐกิจขาลงทางเราคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้นี้ เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐฯ อยู่ในภาวะที่แข็งแกร่งในปัจจุบัน นี่แสดงว่าประวัติศาสตร์กำลังซ้ำรอยหรือไม่!
จากแผนภูมิด้านบน ทางเราสังเกตเห็นความคล้ายคลึงกันระหว่างวงจรเงินเฟ้อปัจจุบันกับรูปแบบที่เห็นตั้งแต่ปี 1966 ถึง 1983 สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร ทางเราเชื่อว่าในช่วงเวลานั้น อัตราเงินเฟ้อเกิดขึ้นเป็นระลอก โดยแต่ละระลอกจะค่อยๆ มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อน ซึ่งนำไปสู่การถอนสภาพคล่องออกจากตลาดอย่างรวดเร็วในภายหลัง
หากอัตราเงินเฟ้อยังคงดำเนินต่อไปในเส้นทางเดียวกันกับที่ทางเราเห็นในกราฟด้านบนวันนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเผชิญกับคลื่นลูกสุดท้ายของอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และจะเลวร้ายที่สุดจากมุมมองของทางเรา แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ปรับลดลงจะเพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของเงินกู้ในสัปดาห์ที่แล้ว การลดลงของอัตราดอกเบี้ยในระยะยาวจะช่วยกระตุ้นความต้องการอสังหาริมทรัพย์และรักษาแรงกดดันต่อราคาที่อยู่อาศัยที่สูงขึ้น ทางเราเชื่อว่านี่คือเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังธนาคารกลางสหรัฐที่จะคงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับสูงเป็นระยะเวลานานกว่าที่คาดไว้ เป็นผลให้ตลาดส่งสัญญาณเตือนในคลื่นขาขึ้นในปัจจุบันนี้
นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ทำซ้ำข้อผิดพลาดแบบเดียวกับที่พวกเขาทำในช่วงวิกฤตการเงินปี 2551 ทำไม? เมื่อเราเห็นอินดิเคเตอร์ทางเศรษฐกิจหดตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่กำลังจะเกิดขึ้น นักเศรษฐศาสตร์ยังคงคาดการณ์แนวโน้มขาขึ้นในตลาดการเงิน เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังที่เห็นในปี 2551 เมื่อทุกคนคาดหวังว่าตลาดจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป แม้ว่าอินดิเคเตอร์ทางเศรษฐกิจจะหดตัวลงอย่างมากก็ตาม ต่อมาเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินและตลาดก็ดิ่งลง แผนภูมิด้านบนพูดถึงเรื่องนั้น และทางเราเชื่อว่านี่เป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญต่อตลาด!
สิ่งหนึ่งที่อาจสนับสนุนทฤษฎีนี้คือข้อมูลที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ เมื่อเร็วๆ นี้ นักลงทุนได้รับข้อมูลเงินเฟ้อมากขึ้นในวันพุธด้วยการประกาศเกี่ยวกับดัชนีราคาผู้ผลิตประจำเดือนตุลาคม ซึ่งลดลงเหลือ 1.3% ต่ำกว่าการคาดการณ์ที่ 1.9% นี่เป็นการปรับตัวลดลงครั้งแรกของอัตราเงินเฟ้อดัชนีราคาผู้ผลิตในรอบ 4 เดือน ในเวลาเดียวกัน ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเป็น 0.1% ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้ -0.3% ซึ่งทำให้เกิดความผันผวนของเงินดอลลาร์ และผลที่ตามมาคือตลาดอื่นๆ จะตามมาด้วยความผันผวนในระยะสั้นก่อนที่จะพังทลายลงจากมุมมองของทางเรา
อัตราเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าเป้าหมายระยะยาวของธนาคารกลางสหรัฐที่ 2% หลักฐานทั้งหมดยังคงชี้ไปที่ธนาคารกลางสหรัฐได้เสร็จสิ้นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยและเข้าสู่ช่วงระยะเวลาที่ยืดเยื้อในการรักษาอัตราดอกเบี้ยให้สูงไว้
XS Editorial Team
XS Group
media.comments@xs.com
Visit us on social media:
Facebook
Twitter
LinkedIn
Instagram
YouTube
Other
Legal Disclaimer:
EIN Presswire provides this news content "as is" without warranty of any kind. We do not accept any responsibility or liability for the accuracy, content, images, videos, licenses, completeness, legality, or reliability of the information contained in this article. If you have any complaints or copyright issues related to this article, kindly contact the author above.
